วันอาทิตย์, ตุลาคม ๒๑, ๒๕๕๐

บัฟเฟตต์ ขาย เพ็ทโตรไชน่า

โดย ลิซ คลามาน ผู้อ่านข่าวแห่ง ฟ๊อกซ์ บิสซิเนสส์
เมื่อ 18 ต.ค.2550

Liz: มีดีลหนึ่งที่ถือว่าเป็นดีลขนาดใหญ่มากของเบิร์กชัวร์ แฮทธาเวย์ นั่นคือ หุ้นเพ็ทโตรไชน่า ผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจต่อการซื้อหุ้นดังกล่าวของคุณและการขายออกไปในเวลาต่อมา นับว่าเป็นหุ้นที่มีผู้ถกเถียงแสดงความคิดเห็นไม่ลงรอยกันตามที่คุณก็ทราบๆดี ทั้งนี้เพราะบริษัทแม่ของบริษัทนี้ คือ ไชน่า เปโตรเลียม ซึ่งเป็นของรัฐบาลจีนได้ตกลงทำสัญญากับรัฐบาลประเทศซูดาน แน่นอนว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีบุชได้กล่าวหาว่ารัฐบาลซูดานข้องเกี่ยวและต้องรับผิดชอบต่อการวางแผนและสั่งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ประชาชนที่ไม่ใช่พวกพ้องตนที่เมืองดาร์ฟู ในเดือนพฤษภาคมดิฉันได้เข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของ เบิร์กชัวร์ แฮทธาเวย์ มีผู้ถือหุ้นบางคนที่ไม่สบายใจอย่างสุดๆได้ลุกขึ้นแสดงความเห็นเกี่ยวกับการถือหุ้นนี้และได้เสนอให้คุณขายออกไป แต่คุณไม่เห็นด้วย จึงให้มีการโหวตเสียง ผลปรากฏผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่อยู่ข้างคุณ คุณจึงยังไม่ขายหุ้นดังกล่าวซึ่งตอนนั้นเป็นเดือนพฤษภาคม และปรากฏตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมาคุณเริ่มขายหุ้นบริษัทนี้ออกไป ......คุณได้ขายหุ้นเพ็ทโทรไชน่าออกไปทั้งหมดแล้วหรือยังคะ?

Buffett: การขายหุ้นของเราพิจารณาจากราคาเป็นหลัก ไม่เกี่ยวอะไรกับอย่างอื่น ในช่วงเวลาประชุมใหญ่ประจำเดือนพฤษภาคมในตลาดหุ้นอเมริการาคาหุ้นนี้อยู่ที่ราว 110 เหรียญสหรัฐ ผมคิดว่าราคาขึ้นมามากกว่า 2เท่า และผมคิดว่าเราก็ขายค่อนข้างเร็วไปหน่อย และบอกให้เชื่อได้เลยร้อยเปอร์เซนต์ว่าเป็นการขายบนพื้นฐานของการประเมินมูลค่า ตอนที่เราซื้อ เพ็ทโตรไชน่า ราคาขายของทั้งบริษัทอยู่ที่ 35,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยคิดจากราคาต่อหุ้นคูณกับจำนวนหุ้นทั้งหมด ตอนขาย เราขายที่ราคาต่างๆกันไป ทั้งนี้โดยราคาเพิ่มขึ้น 8 เท่าของราคาเดิม คือที่ 275โทษๆ ผมบอกผิดไป ราคาต้นทุนของเราอยู่ที่ 20เหรียญสหรัฐต่อหุ้น และขายไป ณ ราคาราว 160 ถึง 200 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น

Liz: ได้กำไรดีมากเลยนะคะ

Buffett: เราได้กำไร 3,500 ล้านเหรียญสหรัฐ จากต้นทุนราว 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เราขายเร็วไป นับตั้งแต่วันที่เราขายไป ราคาหุ้นพุ่งขึ้นอีก มีคนพูดว่า วอร์เร็นขายไปเท่ากับส่งสัญญานให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น

Liz: เท่ากับเสียโอกาสได้กำไรไปเยอะ และเป็นการขาดทุนกำไร

Buffett: เยอะมาก ถูกต้องทีเดียว ใช่ขาดทุนกำไร ชาร์ลี บอกว่า เขาจะต้องทำได้อีก

Liz: คุณจะไม่พยายามบอกคนทั่วไปที่ไม่เคยลงทุนในตลาดหุ้นมาก่อนว่าอย่างไรบ้างเหรอ คุณจะให้คำแนะนำอย่างไร หรือไม่ใช่ว่า ให้เพียงนั่งรออย่างต่อเนื่อง แล้วซื้อแล้วรอ เดี๋ยวราคาจะขึ้น ๆ เอง

Buffett: เราไม่ได้คิดอย่างนั้น วิธีคิดของเราคือ ต้องดูว่าบริษัทกำลังขายอยู่ที่ราคาเท่าใด และเราเองประเมินบริษัทไว้ว่ามีมูลค่าอยู่เท่าใด เมื่อตอนที่ซื้อหุ้นนี้จริงๆ ณ ราคา 35,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ผมเชื่อว่าบริษัทนี้น่าจะมีมูลค่าอย่างต่ำอยู่ที่ราวๆ 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

Liz: มีอะไรทำให้คุณสนใจหุ้นตัวนี้และเช่นไร คุณเจอหุ้นอย่างเพ็ทโตร ไชน่าได้อย่างไร

Buffett: ผมนั่งอยู่ที่สำนักงานของผมและได้รายงานประจำปีมา โชคดีที่เป็นภาษาอังกฤษ ในรายงานบรรยายถึงเรื่องต่างๆของบริษัท บอกถึงปริมาณน้ำมันสำรอง บอกเกี่ยวกับโรงกลั่น และ เคมีภัณฑ์ และอะไรต่อมิอะไรอีกมาก ผมนั่งอ่านอยู่ที่นั่นและบอกกับตัวเองว่าบริษัทนี้มีมูลอยู่ที่ราว 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ผมไม่ได้ดูราคาหุ้นเป็นลำดับแรก ผมพิจารณาดูธุรกิจเพื่อประเมินมูลค่าเสียก่อน เพราะการดูราคาหุ้นก่อนจะมีอิทธิพลต่อการประเมินราคาได้ ดังนั้นผมพิจารณาดูบริษัทและพยายามประเมินมูลค่าให้ได้เสียก่อน แล้วจึงมาดูราคาหุ้น หากราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าที่เราเพิ่งประเมินไว้ เราก็ตัดสินใจซื้อหุ้นบริษัทนั้น

Liz: แล้วคุณประเมินมูลค่าบริษัทอย่างไร

Buffett: เอ่อ มันเป็นเคล็ดลับ(ความสามารถเฉพาะตัว) แต่ที่สำคัญแล้วเป็นเรื่องของการที่ผมต้องจ่ายเงินซื้อทั้งบริษัทเท่าใด และดูว่าจะซื้อได้หรือไม่ เมื่อตอนที่เราขายหุ้นนี้ออกไปเราประเมินว่าบริษัทนี้มีมูลค่าอยู่ที่ 250 - 275 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเราก็เชื่อว่าเป็นมูลค่าที่เหมาะสม เพราะราคาน้ำมันดิบเพิ่มจาก 30ไปเป็น 75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และตอนนี้ก็ยังขยับราคาสูงขึ้นไปอีกเรื่อยๆ วันนี้ เออต้องเมื่อวานซิ ผมเชื่อว่าของบริษัท เพ็ทโตรไชน่า มีมูลค่าสูงที่สุดอยู่ในลำดับที่สองของโลก มากยิ่งกว่า จีอี และแอกซอน เสียอีก

Liz: คุณได้ขายหุ้นออกไปทั้งหมดแล้วใช่ไหม

Buffett: ใช่ ได้ขายไปหมดแล้ว ผมหวังว่าจะขายได้หมด และผมก็ได้ขายออกไปหมดแล้ว

Liz: ขายออกไปทีเดียว หรือไม่

Buffett: เราทยอยขายออกไปเป็นระยะๆในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ถ้าราคาหุ้นนี้ลดลงมามากๆ เราจะกลับเข้าไปซื้ออีก

Liz: แรงกดดันจากปัญหาการเมืองหรืออย่างเรื่องที่ทำให้ผู้คนตกใจสุดขีดต่อเหตุการณ์ที่เมืองดาร์ฟูไม่ได้มีผลต่อการที่คุณจะซื้อหรือขายหุ้นเชียวหรือ

Buffett: รัฐบาลจีนถือหุ้นเพ็ทโตร ไชน่า ในสัดส่วน 88% นอกจากนี้ยังถือหุ้นและควบคุมบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 29 แห่งจากจำนวนบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 30 แห่งของประเทศ รัฐบาลจีนมีสถานะและความสัมพันธ์กับประเทศซูดาน ถ้าคุณถือหุ้นบริษัทใดบริษัทหนึ่งใน 30 แห่งที่ใหญ่ที่สุดของจีนซึ่งเป็นบริษัทมหาชนซื้อขายในตลาดหุ้นของจีนขณะนี้ ก็เท่ากับว่าคุณมีรัฐบาลจีนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทนั้นๆ คำถามก็ คือ คุณจำเป็นที่จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของรัฐบาลหรือไม่

Liz: คุณมีหมายกำหนดการที่จะไปร่วมงานทำพิธีเปิดงานเฉลิมฉลองและตัดริบบินที่ประเทศจีนอาทิตย์หน้าใช่หรือไม่

Buffett: ใช่ นั่นคือ ความเก่งของผม ผมคุ้นเคยกับเรื่องอย่างนี้

Liz: คุณต้องเก่งในเรื่องการตัดริบบินอย่างนี้แน่

Buffett: ใช่ ผมคุ้นเคยกับเรื่องนี้

Liz: คุณกำลังมองหาบริษัทใดบ้างในเมืองจีน

Buffett: ผมไม่ได้มองหาบริษัท โดยยึดเอา .....คำตอบ น่าจะเป็น ไม่ ผมไม่ได้มองหาโดยถือเอาประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นเกณฑ์ ผมเพียงแต่พยายามอ่าน
รายงานประจำปีของบริษัทต่างๆทุกบริษัทให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วพยายามประเมินออกมาให้ได้ว่ามีอันไหนที่ราคาถูกหรือไม่

Liz: คุณค้นหารายงานประจำปีของบริษัทอย่าง เพ็ทโตร ไชน่าเจอได้อย่างไรเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เพราะเป็นชื่อที่ผู้คนไม่คุ้นหูเอาเสียเลย

Buffett: คนอื่นเขาอ่านนิตยสารเพลย์บอยกัน (Liz หัวเราะ แบบขำๆ และ เขินๆ) แต่สำหรับผม ผมอ่านรายงานประจำปี นั่นคืองานที่ผมทำอยู่ ผมหมายความถึงงานของการจัดสรรเงินเพื่อการลงทุน ฉะนั้นหนทางที่จะจัดสรรเงินลงทุนให้ได้ผมก็ต้องมองหาโอกาสเพื่อนำเม็ดเงินเข้าไปลงทุน

Liz: อะไรคือการลงทุนที่ดีที่สุดตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาของคุณ สต๊อคอะไรที่ถือว่าดีที่สุดเท่าที่เคยลงทุนมา

คลิบจบเสียก่อน... เลยไม่ได้คำตอบ :(

............................................................................................

ที่จริงแล้ว ...คำตอบต่อคำถามสุดท้ายของ Liz ก็อยู่ในตอนท้ายของบทความของ video-audio การสัมภาษณ์รายการนี้นี่เอง .....ไม่น่ามองข้ามไปได้ ขาดความรอบคอบ อย่างนี้ ถ้าเป็นการวิเคราะห์หุ้น เลิ่นเล่ออย่างนี้ ....มีโอกาสพลาดตกรถได้
........................................
Claman, who debuted as an anchor with FOX Business Network with the interview, asked Buffett for his best investment. He noted he bought the original Berkshire for $7 a share, and it now trades for $129,000 a share. He also mentioned his investment in Geico auto insurance.

เอ้า ......แปลให้ครบถ้วนกระบวนความก้แล้วกัน 8-)

คลามาน,ผู้อ่านข่าวแห่ง ฟ๊อกซ บิสซิเนสส์ เน็ตเวอร์คซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้สัมภาษณ์, ถามบัฟเฟตต์ถึงการลงทุนที่ทำได้ดีที่สุดนั้น บัฟเฟตต์ บอกว่า เขาซื้อ เบิร์กชัวร์ ที่ราคาต้นทุน 7 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น ถึงขณะนี้ซึ้อขายกันที่ 129,000 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น เขายังเอ่ยถึงการลงทุนของเขาใน บริษัทประกันภัยรถยนต์ที่ชื่อ Geico