โดย ตวน ทราน
"ผมไม่ได้มีความพยายามหรือตั้งใจว่าชีวิตนี้จะมาเป็นผู้ช่วยของผู้นำกลุ่มคลั่งลัทธิความเชื่อทางปัญญาแต่อย่างใดเลย"
นั่นเป็นคำพูดของ ชาร์ลี มังเกอร์ กล่าวต้อนรับผู้ถือหุ้นในงานประชุมประจำปีของบริษัทเวสโก้ แน่นอนที่กลุ่มคลั่งลัทธิความเชื่อทางปัญญาคือ กลุ่มนักลงทุนแบบเน้นมูลค่าผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยศรัทธาและเดินทางเข้าไปเบียดเสียดยัดเยียดกันที่ โอมาฮา, เนบราสก้า และพาซาดีน่า,แคลิฟอร์เนีย ในฤดูใบไม้ผลิตของทุกปีเพื่อเข้าศึกษาหาความรู้ตรง ณ แทบเท้าของวอร์เร็น บัฟเฟตต์และชาร์ลี มังเกอร์ และอย่างที่มังเกอร์บอกว่า "เพื่อว่าเมื่อกลับบ้านจะได้มีความเฉลี่ยวฉลาดเพิ่มมากกว่าตอนที่มา"
การประชุมปีนี้จัดขึ้นภายในบริเวณเต้นท์ขนาดใหญ่มโหฬารในศูนย์ประชุมเมืองพาซาเดน่า มังเกอร์เรียกเต้นท์ที่ถูกออกแบบด้วยโครงสร้างทางวิศวกรรมที่น่าประทับใจนี้ว่า " ของขวัญแด่ความศิวิไลซ์"
เนื้อหาการพูดของมังเกอร์ในปีนี้มุ่งประเด็นไปที่เหตุผลต่างๆที่ทำให้บัฟเฟตต์และ เบิร์กชัวร์ แฮทธาเวย์ประสบความสำเร็จแบบชนิดโดดเด่นสุดยอดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ มังเกอร์สาธยายถึงปัจจัยต่างๆที่มาประจบพร้อมเพรียงกันส่งให้เกิดผลสำเร็จด้านการลงทุนและธุรกิจแบบชนิดเป็นที่ฮือฮาในประวัติศาสตร์ของเศรษฐระบบกิจทุนนิยม ปัจจัยต่างๆดังกล่าวประกอบด้วย
ความเฉลี่ยวฉลาดด้านอารมณ์และจิตใจ (Mental Aptitude) อย่างที่ทราบกัน วอร์เร็น บัฟเฟตต์ เป็นบุคคลที่มีความเฉลี่ยวฉลาดมากๆ แต่มังเกอร์ บอกว่า เขาน่าจะประสบความสำเร็จมากเกินไปเทียบกับความสามารถทางจิตใจและอารมณ์ที่มีมาแต่กำเนิด ตัวอย่างเช่น ด้วยการปิดตาเล่นเชสส์บัฟเฟตต์ไม่สามารถเอาชนะคนที่มาร่วมเล่นเช็สส์ด้วยกันทั้งหมดทุกๆคนอย่างเช่นแชมป์เชสส์แห่งอเมริกาชื่อ แพทริค วูล์ฟฟ์ ( วูล์ฟฟ์ เอาชนะคู่แข่งทุกคนขณะเวลาเดียวกันด้วยกันเล่นแบบปิดตาที่งานประชุมประจำปีของเบิร์กชัวร์ แฮทธาเวย์) ด้วยอารมณ์ขันแบบฝืดๆอย่างอ้อมแอ้มไม่เต็มปากเต็มคำมังเกอร์เรียกความชำนาญของวูล์ฟฟ์ เพียงแค่ว่า "น่าสนใจดี"
ความสนใจอย่างยิ่งยวด (Intense Interest) มังเกอร์ให้ข้อสังเกตุไว้ว่า บัฟเฟตต์ให้ความใส่ใจด้วยความสนใจอย่างยิ่งยวดในธุรกิจและลงทุนมาตั้งแต่อายุยังน้อยมากๆ "ไม่มีอะไรมาทดแทนความใส่ใจด้วยความสนใจอย่างยิ่งยวดมากๆได้"
เริ่มต้นแต่อายุน้อยๆ(Early Start) อีกปัจจัยที่นำมาซึ่งความสำเร็จของเบิร์กชัวร์ แฮทธาเวย์ ก็คือ บัฟเฟตต์เริ่มลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อยและสามารถใช้ความชำนิชำนาญของเขามาทำให้เงินทุนเกิดการงอกเงยแบบทบต้นตลอดช่วงหลายๆทศวรรษที่ผ่านมา
การศึกษาเรียนรู้แบบไม่หยุดยั้ง (Constant Learning) มังเกอร์กล่าวว่า บัฟเฟตต์ เปรียบเสมือน"เครื่องที่ทำหน้าที่ศึกษาเล่าเรียน"ที่ดีที่สุด ปัจจัยหลักที่นำมาซึ่งความสำเร็จก็คือ การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชั่วชีวิตของคุณด้วยความอยากชนิดมูมมาม ต่อมามังเกอร์ได้วกกลับมาพูดถึงหัวข้อนี้อีกโดยบอกว่าวิธีการให้ได้มาซึ่งปัญญาภูมิทำได้โดย"นั่งลงเอาหลังคุณพิงเก้าอี้และอ่านตลอดทั้งวัน"
มุ่งสมาธิอย่างจดจ่อ (Concentration) อีกปัจจัยที่นำมาซึ่งความสำเร็จของเบิร์กชัวร์ ก็คือ การทุ่มเททางจิตใจอย่างหนักโดยจดจ่อสมาธิต่องานด้วยตัวบัฟเฟตต์เอง "เป็นเรื่องยากที่จะนึกถึงคณะกรรมการต่างๆที่ได้เคยประสบความสำเร็จ" มังเกอร์เปรียบเฉกเช่นกลยุทธของจอห์น วู๊ดเด็นที่ใช้วิธีหมุนเวียนผู้เล่นในทีม โค้ชผู้ยิ่งใหญ่ของ ยูซีแอลเอ จะใช้ผู้เล่นแค่ 7 คน จากทั้งหมด 12 คนเล่น ทั้งนี้เพื่อจะได้สามารถมุ่งเน้นถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับผู้เล่นที่เก่งที่สุด 7 คนเหล่านั้น ในทำนองเดียวกันงานส่วนใหญ่ของเบิร์กชัวร์จะได้รับการเอาใจใส่ด้วยสมาธิที่จดจ่อจากผู้ที่มีจิตใจดีที่สุดในองค์กร นั่นก็คือ จิตใจของบัฟเฟตต์
โน็ตสำหรับการดำรงค์ชีพอย่างเป็นสุข
มังเกอร์ ได้ให้ข้อแนะนำสำหรับการมีชีวิตอย่างเป็นสุขด้วยอารมณ์ขันและแจ่มแจ้ง ต่อไปนี้เป็นส่วนหนึ่งหัวใจของภูมิปัญญาที่ว่า
- มังเกอร์ กล่าวว่า ผู้คนที่เฉลี่ยวฉลาดจำนวนมากปิดกั้นตัวเองด้วยความไม่เข้าท่า ตัวอย่างอันหนึ่ง คือ การเป็นคนประเภทมีอุดมคติสุดๆ เท่ากับว่า"เป็นการนำเอาสมองของคุณออกมาแล้วเริ่มลงมือใช้ฆ้อนทุบมัน"
- มุ่งเน้นไว้ในชีวิตว่า "ต้องทำให้เป้าหมายที่ตั้งไว้บรรลุถึงจุดสูงสุด"
- "คุณต้องเรียนรู้ที่จะเสาะแสวงหาวิธีการเรียนรู้"
- "เป็นเรื่องไร้สาระอย่างสิ้นเชิงที่จะมัวแต่คิดว่าโลกนี้ไม่ได้ให้ความยุติธรรมกับคุณเลย เรื่องยากที่เกินความสามารถที่มีอยู่เดิมทุกๆเรื่อง นั่นแหละคือโอกาส"
- "การมีเหตุมีผลเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยจะทำให้คุณสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่เคยได้โดยไม่ถูกทำโทษ"
- "ผมจะไม่บ่นเรื่องของอายุผมเพราะถ้าไม่มีอายุมาเกี่ยวข้อง ก็เท่ากับว่าผมก้อตายแค่นั้นเอง"
บทส่งท้าย
มีผู้ตั้งคำถามคนหนึ่งถามเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อแบบชนิดยึดติดอย่างมากที่มังเกอร์ได้สลัดทิ้งออกไปเมื่อเร็วๆนี้ ภายหลังครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ มังเกอร์กล่าวตอบแสดงความเห็นว่า การที่เบิร์กชัวร์เข้าซื้อหุ้นกิจการรถไฟเมื่อไม่นานมานี้เป็นการบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแนวคิดต่ออุตสาหกรรมดังกล่าวอย่างชนิดที่หมุนกลับมุม 180 องศา ตามที่มังเกอร์พูดปัจจุบันการรถไฟมีความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างมหาศาลเหนือกว่ารถบรรทุก อย่างเช่น การจัดทำรถขนสินค้าแบบ 2 ชั้น และการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมระบบการเดินรถ มังเกอร์บอกว่าเขาและบัฟเฟตต์เข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงต่างๆนี้ช้าเกินไปและน่าที่จะทำเงินได้มากกว่านี้ อย่างที่เห็นๆ บิล เกตส์เข้าใจเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อนและได้ทำเงินในอัตราหลายเท่าจากกิจการรถไฟ
มังเกอร์แนะนำหนังสือ 2 เล่ม ได้แก่ The Martains of Science: Five Physicists Who Changed the Twentieth Century by Istvan Hagittai and Einstein: His Life and Unverse by Walter Isaacson. มังเกอร์บอกว่าเขาได้เคยอ่านหนังสือประวัติของไอน์สไตน์ทุกเล่ม และเล่มใหม่ล่าสุดดังกล่าวที่แต่งโดย Isaacson เป็นเล่มดีที่สุด
ตลาดแบบไร้ประสิทธิภาพมี 2 ชนิด ชนิดหนึ่ง เป็นไปแบบไม่ชัดเจนแทบสังเกตุไม่เห็น และอีกชนิดเกิดจากการกระทำของคนโง่ อย่างหลังนี้เกิดขึ้นอยู่เรื่อยเป็นพักๆ
ตวน แทรน มีหุ้นที่พูดไว้ข้างต้นจำนวนหนึ่ง: BRK.B
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น